ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถ้าหากมีคนมาพูดว่าภายในปี 2035 รถทั้งประเทศไทยจะกลายเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% พวกเราทั้งหมดก็คงจะหัวเราะกัน และพร้อมใจกันบอกว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก” หรือ “ใครจะไปมีเงินซื้อรถไฟฟ้ากันทุกคน” แต่ปัจจุบันนี้ ถ้าเราพูดถึงรถไฟฟ้า ยี่ห้อรถต่าง ๆ ก็จะพรั่งพรูเข้ามาในหัวเราเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น เทสล่า วอลโว่ บีเอ็มดับเบิ้ลยู หรือแม้กระทั่งรถญี่ปุ่นอย่าง นิสสันและฮุนได ปัจจุบันในประเทศไทยมียานพาหนะไฟฟ้ามากกว่า 4000 คัน และ เกือบ 40% ของจำนวนทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า(ข้อมูลจาก Autostation) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ก็ตั้งใจที่จะผลักดันให้ยานพาหนะทั้งหมดในไทยเปลี่ยนมาเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมด และด้วยมาตรการนี้ของบีโอไอ ก็นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายต่าง ๆ มากมายในไทย
เราก็มักจะเห็นข้อดีของรถไฟฟ้ากันมาเยอะ แน่นอนล่ะ การประหยัดพลังงานลดมลภาวะคือข้อดีที่ค่อนข้างเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า ไหนจะการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงซึ่งน้อยกว่าเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันขับเคลื่อน และปัจจุบันราคาของรถไฟฟ้าก็เริ่มลดลงมา ทำให้ประชาชนเริ่มจับต้องได้อย่างจริงจัง เมื่อก่อนถ้าเห็นว่าใครขับรถยนต์ไฟฟ้า ก็จะรู้สึกทันทีว่าคนนั้นเป็นคนมีฐานะ แต่ปัจจุบันความคิดแบบนั้นก็เริ่มไม่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้นพร้อมกับราคาที่เป็นมิตร และทุกอย่างก็ดูเป็นใจให้รถทั้งหมดในประเทศไทยกลายเป็นรถไฟฟ้า และปัญหามลภาวะก็จะลดลงทันที แต่ทว่าถ้าหากเรามามองลึกลงไปในปัญหามลภาวะ รถไฟฟ้าจะเป็นตัวละครหลักในการลดมลภาวะจริงหรือ
การผลิตไฟฟ้าในไทยเป็นการผลิตจากก๊าซธรรมชาติกว่า 60% ผลิตจากถ่านหินอีก 15% ส่วนที่เหลืออีก 25% เป็นการผลิตพลังงานหมุนเวียนและรับซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา (ข้อมูลจาก Workpoint) เราจะเห็นได้ว่าประเทศไทยผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก และทั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้งของรัฐและเอกชนส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซซึ่งไม่ใช่แหล่งพลังงานหมุนเวียน และไม่สามารถทดแทนได้ แปลว่าวันหนึ่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยก็สามารถหมดลงและเราจะขาดกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศไทยไปได้ในทันที และการใช้รถไฟฟ้าแปลว่าเราจะต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น

จากกราฟข้างบนจะเห็นได้ว่าปริมาณของการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคนเริ่มหันมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้ากัน และทำนายได้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในปี 2040 และถ้าหากประเทศไทยเริ่มใช้รถไฟฟ้ากันทั้งหมด อาจจะทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกหรือมลภาวะอื่น ๆ ไม่ได้ลดลงตามที่คาดไว้ ถ้าหากประเทศไทยต้องการที่จะเพิ่มการใช้งานของรถไฟฟ้าความท้าทายที่จะตามมา ไม่ใช่แค่จำนวนของ Charging Station หรือราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะต่ำลง แต่ก็ควรสนใจวิธีการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อที่จะให้ประหยัดพลังงานและลดมลภาวะได้จริง ๆ ประเทศไทยควรเริ่มผลิตไฟฟ้าด้วยแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นควบคู่ไปกับการใช้แหล่งพลังงานที่ทดแทนได้เป็นส่วนใหญ่ แปลว่าหากต้องการที่จะให้การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นผลจริงๆ ภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันคิดถึงเรื่องการผลิตไฟฟ้าด้วย
ใครจะรู้ในปี 2035 เราอาจจะสามารถผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนได้ 100% และเราก็จะเห็นยานพาหนะไฟฟ้าต่าง ๆ ในประเทศไทยจริง ๆ ก็ได้